จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความขัดแย้ง


การสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 13-19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งรัฐบาลได้ส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธสงคราม และรถหุ้มเกราะ เข้าปิดล้อมพื้นที่การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณแยกราชประสงค์ ระหว่างการชุมนุมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม ทั้งสิ้น 56 ศพ ในบรรดาผู้เสียชีวิตมีชาวต่างประเทศรวมอยู่สองศพและเจ้าหน้าที่กู้ชีพอีกสองศพ ได้รับบาดเจ็บ 480 คน และจนถึงวันที่ 8 มิถุนายน กลุ่มผู้ชุมนุมยังสูญหายอีกกว่า 51 คน หลังแกนนำผู้ชุมนุมเข้ามอบตัวกับตำรวจเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ได้เกิดเหตุเผาอาคารหลายแห่งทั่วประเทศ รวมทั้ง เซ็นทรัลเวิลด์ สื่อต่างประเทศบางแห่ง ขนานนามการสลายการชุมนุมดังกล่าวว่า "สมรภูมิกรุงเทพมหานคร"สื่อไทยบางแห่ง ขนามนามเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "พฤษภาอำมหิต"
พื้นที่แยกราชประสงค์ถูกล้อมด้วยรถหุ้มเกราะและพลแม่นปืนเป็นเวลาหลายวัน ก่อนหน้าวันที่ 13 พฤษภาคม ในเย็นวันที่ 13 พฤษภาคม พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรักษาความปลอดภัยแก่กลุ่มผู้ชุมนุม ถูกยิงที่ศีรษะด้วยวัตถุซึ่งคล้ายกับกระสุนของพลแม่นปืนระหว่างให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวต่างประเทศ รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มในอีก 17 จังหวัดทั่วประเทศ และได้ออกคำสั่งให้ทหารเข้าสลายการชุมนุม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 41 ศพ (รวมช่างภาพชาวอิตาลี) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 250 คน เมื่อถึงเวลา 20.30 น. ของวันที่ 18 พฤษภาคม ทหารนายหนึ่งเสียชีวิตจากการถูกฝ่ายเดียวกันยิง ทางฝ่ายกองทัพอ้างว่าพลเรือนทั้งหมดซึ่งถูกฆ่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายหรือไม่ก็เป็นผู้ก่อการร้ายติดอาวุธ และเน้นว่าบางคนถูกฆ่าโดยผู้ก่อการร้ายที่แต่งกายในชุดทหาร ทางกองทัพได้ประกาศ "เขตยิงกระสุนจริง" และเจ้าหน้าที่แพทย์ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ วันที่ 16 พฤษภาคม ผู้นำ นปช. กล่าวว่าพวกตนพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลทันที่ที่ทหารถูกถอนกลับไป แต่รัฐบาลต้องการให้กลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัวไปโดยไม่มีเงื่อนไข รัฐบาลปฏิเสธการเรียกร้องให้หยุดยิงของวุฒิสภา และการเจรจาที่วุฒิสภาเสนอตัวเป็นตัวกลาง วันที่ 17 พฤษภาคม องค์การนิรโทษกรรมสากลเรียกร้องให้ทางกองทัพยุติการใช้กระสุนจริง รถหุ้มเกราะนำการสลายการชุมนุมครั้งสุดท้ายในตอนเช้าของวันที่ 19 พฤษภาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ศพมีรายงานว่าทหารได้ยิงเจ้าหน้าที่แพทย์ซึ่งเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกยิง แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมมอบตัวกับตำรวจและประกาศสลายการชุมนุม ในวันเดียวกัน ได้เกิดเหตุการเผาอาคารหลายแห่งทั่วประเทศ รัฐบาลจึงประกาศห้ามออกนอกเคหะสถาน และทหารได้รับคำสั่งให้ยิงทุกคนที่ก่อความไม่สงบ

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คุณธรรมนำความรู้

คุณธรรมนำความรู้

ความหมายของคุณธรรมนำความรู้
ความหมายของคุณธรรม
พจนานุกรมฉบับราชบัณทิตสถาน พ.ศ 2525 ได้ให้ความหมายไว้ว่า คุณธรรมหมายถึง สภาพคุณงามความดี
ดวงเดือน พันธุมนาวิน ( 2543 ) ได้ให้ความหมายว่า คุณธรรม คือสิ่งที่บุคคลยอมรับว่าป็นสิ่งดีงามมีประโยชน์มาก และมีโทษน้อย
สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ ( 2546 ) กล่าวว่า คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดีไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน
สรุปได้ว่า
คนที่มีคุณธรรม หมายถึง คนที่ไม่ก่อความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น มีความรู้สึกนึกคิดในทางที่ดี และมีจิตใจเอื้ออาทรต่อผู้อื่น
คุณธรรมนำความรู้ หมายถึง สภาพคุณงามความดีต้องมาก่อนความรู้ ความสามารถ(คนเก่ง )
การเสริมสร้างคุณธรรม แนวทาง มรรค แห่งการส่งเสริมคุณธรรมประกอบด้วย
1. ผู้ปกครองทุกระดับต้องตั้งอยู่บน ความถูกต้อง ความสุจริต ยุติธรรม เพราะการประพฤติปฏิบัติของผู้ปกครอง จะกระทบกับทุกอณูของสังคม ดังนั้นการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ผู้ปกครองทุกระดับ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงไปถึงหัวหน้าครอบครัวต้องเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรม
2. ครอบครัวอบอุ่น การอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวจะผดุงไว้ซึ่งคุณธรรมได้มากกว่าคนที่ไม่ได้อยู่กันครอบคร้ว
3. ชุมชนแข็งแรง ชุมชนเข้มแข็ง จะผดุงไว้ซึ่งคุณธรรมได้มากกว่าชุมชนที่ไม่เข้มแข็ง
4. การมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่ การมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่เป็นรากฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข สัมมาชีพเป็นอาชีพที่ไม่บียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม และมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ สัมมาชีพเป็นการบูรณาการของความดี
5. การมี สปีริตแห่งความเป็นอาสาสมัครเต็มแผ่นดิน รัฐบาลควรมีนโยบายส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษา ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ใช้เวลาช่วงหนึ่งในแต่ละปีเป็นอาสา
สมัครเพื่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งจะไปกระตุ้นเมล็ดพันธ์แห่งความดีในจิตใจของแต่ละคนให้งอกงามขึ้น และเป็นการเชื่อมโยงมนุษย์เข้ามาหากันด้วยความเมตตากรุณา
6. ส่งเสริมการพัฒนาจิตให้เป็นวิถีชีวิต ในขณะที่จิตสามารถฝึกอบรบให้มีความสุขได้ ฝึกอบรมให้ลดความเห็นตัวได้ ฝึกอบรมให้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญายิ่งๆขึ้นได้ คนปัจจุบันเกือบไม่มีการพัฒนาจิตเลย ควรส่งเสริมการพัฒนาจิตให้เป็นวิถีชีวิตของผู้คนทั้งในระบบโรงเรียน และนอกระบบโรงเรียน ส่งเสริมให้มีศูนย์พัฒนาจิต ทั้งทางสถาบันทางศาสนา หรือดำเนินการโดยฆารวาส
7. การศึกษาที่เข้าถึงความดี การศึกษาของเราเกือบทั้งหมดเอา วิชา เป็นตัวตั้ง จึงทำให้เข้าไม่ถึงความดี ในขณะที่ มีคนที่คิดดีทำดีอยู่ด้วย การศึกษาของคนเราไม่รู้จักค้นหาสิ่งเหล่านั้น การศึกษาทุกระดับควรไปศึกษาวิจัยในพื้นที่ให้รู้จักคนดีๆ แล้วนำมาสื่อสารเรียนรู้กัน เรื่องคนดีก็จะซึมซับเข้าไปสู่ผู้เรียน
8. การสื่อสารความดี เป็นสิ่งที่มีพลังมากทั้งทางบวก และทางลบ ควรมีการสื่อสารให้คนทั้งประเทศเข้าถึงความจริง ความดี และความงาม
ทฤษฎีพัฒนาการทางคุณธรรม
คุณธรรมสามารถจะพัฒนาให้มีขึ้นในตัวบุคคลได้ โดยเริ่มตั้งแต่ในวัยเด็ก การพัฒนาการของคุณธรรม หรือการกำเนิดคุณธรรมนี้ มีนักจิตวิทยากลุ่มต่างๆได้สรุปเป็นทฤษฎีไว้หลายทฤษฎี ที่สำคัญคือ ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ทฤษฎีการเรียนรู้เงื่อนไขผลกรรม ทฤษฎีกระจ่างค่านิยม ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม ทฤษฎีพัฒนาการทางปัญญา และ ทฤษฎีพัฒนาการทางคุณธรรมของโคลเบอร์ก ดังมีรายละเอียด ต่อไปนี้
1. ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ( Psychoanalytic Theory )
ฟรอยด์ ( Freud ) นักจิตวิทยาในกลุ่มนี้กล่าวว่า คุณธรรมของคนนั้นอยู่ในส่วนตน ซึ่งได้รับการขัดเกลาจากสังคม และจะคอยควบคุมพฤติกรรมภายนอกของมนุษย์ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ และค่านิยมของสังคมและคุณธรรมของเด็ก มีพัฒนาการจากความละอายในพฤติกรรม ที่เกิดจากแรงขับ ตัว คือ แรงขับทางกามรมณ์ และแรงขับความก้าวร้าว ซึ่งแรงขับนั้นจะผสมผสานกัน การเรียนแบบโดยเด็ก จะรับเอาบุคลิกภาพ ค่านิยมและมาตรฐาน หรือกฎเกณฑ์ของสังคมจากพ่อแม่และบุคคลใกล้ชิด มาเป็นหลักปฏิบัติของตนโดยอัตโนมัติ เมื่อใดเมื่อตนปฏิบัติไม่สอดคล้องกับค่านิยม หรือมาตรฐานที่ตนนับถือ คุณธรรมที่อยู่ในส่วนตนก็จะกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งในใจ จนเกิดความวิตกกังวล จนต้องเก็บกด หรือถูกระงับการกระทำที่ไม่ถูกไม่ดี ไม่ควร
2. ทฤษฎีการเรียนรู้เงื่อนไขผลกรรม (Operent Conditioning )
ทฤษฎีนี้เสนอโดยสกินเนอร์ นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ว่า มนุษย์ไม่มีเสรีภาพ เพราะพฤติกรรมของมนุษย์จะถูกควบคุมด้วยเงื่อนไขแห่งการเสริมแรง และเงื่อนไขแห่งการลงโทษ เงื่อนไขทั้ง อย่างนี้ จะเป็นผลมาจากการกระทำของตนเอง ผลการกระทำของคนเราที่ได้รับจะเป็น ลักษณะคือ ผลการกระทำที่ทำให้เกิดความพึงพอใจ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแรงเสริมให้แก่การกระทำนั้นมีต่อไป และผลการกระทำที่ทำให้ไม่พึงพอใจจะเป็นตัวทำให้คนเรากระทำพฤติกรรมเช่นนั้นลดลง หรือหยุดไปในที่สุด
3.ทฤษฎีกระจ่างค่านิยม ( Value Calification Theory ) ทฤษฎีนี้เสนอโดยแรทส์ ฮาร์มิน มีสาระสำคัญคือ การทำค่านิยมให้กระจ่างนั้น คือกระบวนการที่บุคคลสามารถเลือกค่านิยมโดยอาศัยความรู้สึกและการวิเคราะห์พฤติกรรมว่าจะเลือกแสดงพฤติกรรมอย่างใด เมื่ออยู่ในภาวะที่ต้องเลือกและช่วยในการกำหนดว่า การเลือกพฤติกรรมเช่นนั้นมีเหตุผลหรือไม่ ความกระจ่างของบุคคลมี ขั้นตอน ดังนี้
3.1 บุคคลเลือกกระทำอย่างอิสรเสรีไม่มีการบังคับ
3.2 บุคคลเลือกทางเลือกหลายๆทาง
3.3 บุคคลเลือกจากการพิจารณาผลของทางเลือกแต่ละทางแล้ว
3.4 บุคคลมีความยินดี และภูมิใจในการเลือกกระทำสิ่งนั้น
3.5 บุคคลยืนยันการตัดสินใจเลือกของตนอย่างเปิดเผย
3.6 บุคคลกระทำตามที่ตนตัดสินใจเลือก และชักชวนผู้อื่น เมื่อมีโอกาส
3.7 บุคคลกระทำพฤติกรรมนั้นเป็นประจำ แม้นว่าผู้อื่นจะไม่กระทำตาม
4. ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม ( Social Learning Theory )
ทฤษฎีนี้เสนอโดย แบบ ดูรา ซึ่งมีแนวคิดพื้นฐานว่า คุณธรรมเป็นความเข้าใจเพฃกี่ยวกับกฎเกณฑ์
สำหรับการประเมินความถูกผิดของพฤติกรรมการเรียนรู้ มี ส่วน ได้แก่ ประสบการณ์ตรงของบุคคลจากการสังเกตผู้อื่น จากการฟัง และจากคำบอกเล่าของผู้อื่น การเกิดคุณธรรมแบ่งเป็น ประการ คือ
4.1 สิ่งที่เรียนรู้
4.2 วิธีการเรียนรู้
4.3 ความเชื่อ
4.4 การควบคุมพฤติกรรม
5. ทฤษฎีพัฒนาการทางปัญญา ( Cognitive Development Theory )
เพียเจท์ มีความคิดว่า พัฒนาการทางคุณธรรมของมนุษย์ขึ้นอยู่กับความฉลาด ในการที่จะรับรู้กฏเกณฑ์ และได้แบ่งขั้นของพัฒนาการทางคุณธรรมของมนุษย์ เป็น ขั้น
1. ขั้นก่อนคุณธรรม เป็นขั้นที่เด็กจะเชื่อฟังตามคำสั่งของคนอื่นอย่างไม่มีเงื่อนไข
2. ขั้นยึดคำสั่ง เป็นขั้นที่เด็กจะปฏิบัติตามกฎเกรพ์ต่างๆ
3. ขั้นยึดหลักแห่งตน เด็กจะมีพัฒนาการในใจเขา สำหรับเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของตนเอง รับผิดชอบในพฤติกรรมของตนเอง
6. ทฤษฎีพัฒนาการทางคุณธรรมของโคลเบอร์ก
เมื่อบุคคลมีโอกาสได้ติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ได้รับฟังคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆในทัศนะใหม่ โดยเฉพาะจากบุคคลที่มีระดับพัฒนาการทางคุณธรรมที่สูงกว่า ก็จะช่วยให้เกิดการพัฒนาการทางคุณธรรมในขั้นที่สูงขึ้นได้ การพัฒนาคุณธรรมเกิดจากการผสมผสานความรู้ที่ได้จากการปรับตัว เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น บุคคลจะเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของตนเองต่อผู้อื่น บทบาทของบุคคลอื่นๆ และข้อกำหนดจากกฎเกณฑ์ต่างๆของสังคม มาผสมผสานกันเกิดเป็นความเข้าใจใหม่ที่สามารถอธิบายสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิด รู้จักใช้เหตุผลในขั้นที่สูงขึ้นได้
ในกระบวนการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรมนำความรู้นั้นอกจากครูผู้สอนได้เห็นความตระหนักในการปรับการเรียนการสอนตามแนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้แล้ว ครูผู้สอนควรมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยให้สอดแทรกคุณธรรมในการจัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ส่งเสริมกิจกรรมการพัฒนาผู้เรียนจัดระบบการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน จัดประกวดสื่อการเรียนการสอนด้านคุณธรรม ยกย่องเชิดชูผู้มีคุณธรรม จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมตามความเหมาะสมในบริบทของสถานศึกษา และครูผู้สอนต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
ดังคำกล่าวที่ว่า “ เป็นแบบอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน